พร็อพเพอร์ตี้ เพอร์เฟค และ แกรนด์ แอสเสท เปิดแผนธุรกิจปี 2564 เทิร์นอะราวด์ ด้วยการปรับกลยุทธ์ดำเนินธุรกิจ ขายที่ดิน และการลงทุน รวม 20,200 ล้าน เพื่อทำกำไรและลดสัดส่วนหนี้สินต่อทุนให้เหลือ 1.2 เท่า พร้อมก้าวสู่ธุรกิจใหม่กำไรสูงดีมานด์สูงผลิตส่งออกถุงมือยาง ด้านธุรกิจอสังหาฯ ปีนี้ เพอร์เฟค ตั้งเป้าขาย 17,300 ล้าน แกรนด์ แอสเสทฯ วางเป้า 1,100 ล้าน คาดรายได้ทั้งกลุ่มปีนี้แตะระดับ 21,370 ล้าน ขณะที่จะมีรายได้จากโครงการร่วมทุนและธุรกิจถุงมือยางอีก 3,200 ล้าน

นายศานิต อรรถญาณสกุล ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท พร็อพเพอร์ตี้  เพอร์เฟค จำกัด (มหาชน) เปิดเผยถึง ทิศทางการดำเนินงานปี 2564 ว่า กลุ่มบริษัทวางแผนปรับเปลี่ยนกลยุทธ์การดำเนินงานเพื่อพลิกกลับมาสร้างการเติบโตอย่างยั่งยืนและสร้างความมั่นคงทางการเงิน
โดยมีแผนทั้งการขายที่ดินที่ไม่มีแผนพัฒนาโครงการและสิทธิการเช่า ขายการลงทุนในโรงแรม และจัดตั้งกองทรัสต์ รวม 20,200 ล้านบาท แบ่งเป็น
- ที่ดินที่ไม่มีแผนพัฒนา อาทิ ที่ดินแจ้งวัฒนะ รามอินทรา รามคำแหง มูลค่า 10,200 ล้านบาท
- ที่ดินถนนรัชดาภิเษก 1,500 ล้านบาท
- การลงทุนในโรงแรมเข้า REIT คือ รอยัล ออคิด เชอราตัน และไฮแอท รีเจนซี สุขุมวิท มูลค่า 8,500 ล้านบาท



เป็นแนวทางที่จะเพิ่มความสามารถในการทำกำไร ต้นทุนทางการเงินลดลง และลดภาระหนี้ โดยตั้งเป้าหนี้สินสุทธิต่อทุนที่ระดับ 1.2 สำหรับธุรกิจหลักจะขับเคลื่อนให้มีรายได้เติบโต สานต่อโครงการร่วมทุนกับพันธมิตรต่างประเทศ โดยบริษัทไม่มีการเปิดโครงการคอนโดมิเนียมเป็นเวลา 3 ปีติดต่อกันนับจากปี 2562  

ในปีนี้ กลุ่มบริษัทยังขยายการลงทุนในธุรกิจใหม่ซึ่งมีดีมานด์สูงและกำไรสูงได้แก่ ธุรกิจผลิตและส่งออกถุงมือยาง ที่จะช่วยเสริมสร้างรายได้ในระยะยาว โดยประมาณการรายได้รวมปีนี้จะอยู่ที่ 21,370 ล้านบาท ประกอบด้วย รายได้ของพร็อพเพอร์ตี้ เพอร์เฟค 13,070 ล้านบาท  แกรนด์ แอสเสทฯ 2,100 ล้านบาท และรายได้จากการขายที่ดินและการลงทุน 6,200 ล้านบาท ขณะที่ยังจะมีรายได้จากโครงการร่วมทุนในธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ 4,000 ล้านบาท และธุรกิจถุงมือยาง 3,000 ล้านบาท

นายวงศกรณ์ ประสิทธิ์วิภาต ปีนี้วางเป้าขาย 17,300 ล้านบาท จากโครงการแนวราบ 12,000 ล้านบาท โครงการร่วมทุน 2,000 ล้านบาท คอนโดมิเนียมในประเทศ 2,500 ล้านบาท และคอนโดมิเนียมประเทศญี่ปุ่น 800 ล้านบาท
ปี 2564 เปิดเพิ่ม 6 โครงการ มูลค่า 9,930  ล้านบาท เป็นโครงการแนวราบทั้งหมด
1. Lake Legend Bangna-Suvarnabhumi โครงการร่วมทุนที่จะเปิดตัวใหม่ในปีนี้ เป็นการร่วมทุนกับ ฮ่องกงแลนด์  บนทำเลบางนา-สุวรรณภูมิ บ้านริมทะเลสาบขนาด 100 ไร่ มูลค่าโครงการ 5,100 ล้านบาท จำนวน 128 ยูนิต เปิดตัว ไตรมาส 3 ปี 2564
และโครงการร่วมทุนกับฮ่องกงแลนด์ และ ซูมิโตโม ฟอเรสทรี ที่ยังขายอย่างต่อเนื่อง คือ Lake Forest New Ratchapruek
2. New Segment - Super Luxury ทำเลสุทธิสาร รวม 8 ยูนิต เป็นบ้านเดี่ยว 3 ชั้น ราคา 50-55 ล้านบาท และโฮมออฟฟิศ 5 ชั้น ราคา 70-80 ล้านบาท มูลค่าโครงการ 70-80 ล้านบาท เปิดตัว สิงหาคม 2564
3. โมดิ วิลล่า บางนา 2 จำนวน 96 ยูนิต มูลค่าโครงการ 420 ล้านบาท เปิดตัว มีนาคม 2564
4. เพอร์เฟค พาร์ค บางใหญ่ จำนวน 447 ยูนิต มูลค่าโครงการ 1,700 ล้านบาท เปิดตัว กันยายน 2564
5. เพอร์เฟค พาร์ค พหลฯ-จตุโชติ จำนวน 140 ยูนิต มูลค่าโครงการ 780 ล้านบาท เปิดตัว กันยายน 2564
6. เพอร์เฟค เพลส สุขุมวิท 77 - สุวรรณภูมิ จำนวน 164 ยูนิต มูลค่าโครงการ 1,430 ล้านบาท เปิดตัว กันยายน 2564

ทั้งนี้ ในโครงการเปิดใหม่ ร่วมกับ AIS ให้บริการสัญญาณ AIS 5G 

โครงการร่วมทุนต่อเนื่องกับ ฮ่องกง แลนด์ ในทำเลบางนา-สุวรรณภูมิ กำหนดเปิดตัวไตรมาส 3

New Segment - Super Luxury ทำเลสุทธิสาร รวม 8 ยูนิต เป็นบ้านเดี่ยว 3 ชั้น ราคา 50-55 ล้านบาท และโฮมออฟฟิศ 5 ชั้น ราคา 70-80 ล้านบาท

นายวิทวัส วิภากุล ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท แกรนด์ แอสเสท โฮเทลส์ แอนด์ พรอพเพอร์ตี้ จำกัด (มหาชน) เปิดเผยว่า ปีนี้ แกรนด์ แอสเสทฯ วางเป้าขายจากธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ 1,100 ล้านบาท เป็นคอนโดมิเนียม 500 ล้านบาท และ วิลล่าในจังหวัดระยอง 600 ล้านบาท ส่วนธุรกิจโรงแรม สถานการณ์โควิด-19 มีผลกระทบอย่างมากกับธุรกิจท่องเที่ยว ส่งผลให้รายได้ของโรงแรมปีที่ผ่านมาต่ำกว่าที่คาดการณ์ไว้มาก สำหรับปีนี้ คาดว่าจะฟื้นตัวและเติบโตอย่างรวดเร็วในครึ่งปีหลัง โดยประมาณการรายได้ไว้ที่ 1,500 ล้านบาท อย่างไรก็ดี เนื่องจากสถานการณ์การระบาดของไวรัสยังคงมีความไม่แน่นอนอยู่มาก แผนการดำเนินงานในปี 2564 จึงยังมุ่งเน้นไปที่ตลาดชาวไทยท่องเที่ยวในประเทศเป็นหลัก ตั้งเป้าให้มีอัตราการเข้าพักเฉลี่ยทั้งปีที่ 50% 

บริษัทยังรุกเข้าสู่ธุรกิจใหม่ ด้วยเห็นโอกาสจากความต้องการใช้ถุงมือยางทั่วโลกที่เพิ่มขึ้นอย่างมาก จึงได้ร่วมมือกับ บริษัท วัฒนชัย รับเบอร์เมท จำกัด ซึ่งเป็นผู้ผลิตและส่งออกถุงมือยางที่มีชื่อเสียงด้านคุณภาพและความน่าเชื่อถือยาวนานทั้งในและต่างประเทศ จัดตั้ง บริษัท แกรนด์ โกลบอล โกลฟส์ จำกัด (GGG) เพื่อผลิตและจำหน่ายถุงมือยางสังเคราะห์ (Nitrile) ภายใต้แบรนด์ GGG สู่ตลาดทั้งภายในและต่างประเทศ โดยเฉพาะกลุ่มประเทศที่มีอัตราการใช้ถุงมือยางสูง เช่น สหรัฐอเมริกา ยุโรป ญี่ปุ่น  โดยได้ลงทุนสร้างโรงงานบนเนื้อที่ 21 ไร่   ในนิคมอุตสาหกรรม ทีเอฟดี 2 จังหวัดฉะเชิงเทรา จำนวน 2 อาคาร ซึ่งอยู่ระหว่างก่อสร้างอาคารหลังแรก ที่มี 8 สายการผลิต มีกำลังการผลิต 21 ล้านกล่องต่อปี หรือ 2,100 ล้านชิ้นต่อปี คาดว่าจะแล้วเสร็จเดือนเมษายนนี้ และเริ่มดำเนินการผลิตได้ในเดือนพฤษภาคมนี้  ส่วนอาคารหลังที่ 2 มีกำหนดแล้วเสร็จปลายปีนี้  มีจำนวนเครื่องจักร 8 เครื่อง กำลังการผลิตรวม 21 ล้านกล่องต่อปี นอกจากนี้ ยังมีแผนขยายกำลังการผลิตถุงมือยางธรรมชาติควบคู่ไปกับถุงมือยางไนไตรล์ เพื่อรองรับการเติบโตของตลาดโลก โดยรายได้จากธุรกิจถุงมือยางในปีนี้ประมาณการไว้ที่ 3,000 ล้านบาท 

โรงงานถุงมือยาง GGG  ในนิคมอุตสาหกรรมทีเอฟดี 2 จังหวัดฉะเชิงเทรา อยู่ระหว่างก่อสร้างอาคารหลังแรก มีกำลังการผลิต 21 ล้านกล่องต่อปี หรือ 2,100 ล้านชิ้นต่อปี